12.17.2012

Sandy Hook กับมือปืนที่ถูกทอดทิ้ง?!

นักเรียนประถม 20 คนวัย 6-8 ขวบ และคุณครูอีก 6 คนจากโรงเรียนประถม Sandy Hook ต้องเสียชีวิตโดย Adam Lanza มือปืนวัย 20 ปี  หลังจากได้ยิงแม่ของเขาเองจนเสียชีวิต  เป็นข่าวที่น่าสะเทือนใจมาก  ไม่แพ้ข่าวการเสียชีวิตของคุณครูที่อยู่ทางใต้ของเรา

ข้อมูลที่รวบรวมจากแหล่งข่าวต่างๆ มีเพียงว่า  หนุ่มคนนี้มีสมองที่ปราดเปรื่อง แต่มีอาการบกพร่องทางทักษะสังคม  พูดน้อย  เก็บตัว ซึ่งอาจจะเป็น Asperger's Syndrome  เขาอยู่กับแม่ที่เพิ่งหย่าขาดจากพ่อไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ... เป็นช่วงที่เขาอายุ 14 ปี  แม่ผู้คลั่งไคล้อาวุธปืนเพื่อ "ป้องกันตนเอง" เป็นเจ้าของปืนถูกกฎหมายทุกกระบอกที่เขาหอบขึ้นรถไปก่อโศกนาฎกรรม

มีการสั่งห้ามเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนให้ข่าวอย่างเด็ดขาด  เมื่อสืบสวนจนได้ข้อมูลที่แน่ชัดแล้วจึงจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ   [ถ้าเป็นเมืองไทย  ป่านนี้คงได้ขุดคุ้ยจาก"แหล่งข่าว" ที่ไม่เปิดเผย (แปลว่าเชื่อถือได้?!) แล้วก็ร่ำลือกันไป]

ปืนรุ่นเดียวกับของมือปืน จาก http://carloz.newsvine.com/
หลังเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมง ประธานาธิบดีโอบามาเดินทางมายัง Newtown เมืองที่เกิดเหตุ   และกล่าวคำปราศรัยยกย่องความกล้าหาญของคุณครูฮีโร่ตัวจริงที่พยายามปกป้องนักเรียนของตนเองทุกวิถีทาง ในจำนวนนี้มี 6 คนเสียชีวิต [เราไม่ได้ยินเสียงอย่างนี้จากผู้นำของไทย แถมยังไม่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของครูใต้เรื่องมาตรการเยียวยาครูที่บาดเจ็บและเสียชีวิต]

ฟังจากสุ้มเสียงของประธานาธิบดี และดูจากสภาพการณ์แล้ว  เรื่องที่จะดำเนินการต่อไปซึ่งโอบามากล่าวว่า  จะต้องเป็นมาตรการที่ "มีความหมาย"  คงไม่พ้นเรื่องของการควบคุมอาวุธปืน  ซึ่งบังเอิญว่า ปืนที่ใช้คราวนี้เป็นปืนที่ได้มาอย่างถูกกฎหมายทุกกระบอก  เชื่อได้เลยว่า ขณะนี้ นักการเมืองทั้่ง 2 ขั้วของสหรัฐฯ กำลังเตรียมห้ำหั่นเพื่อรักษาคะแนนเสียงของฝั่ง "เอาปืน" กับ "ไม่เอาปืน"

The Voice (USA) แต่งเพลงรำลึกถึงผู้ที่จากไป @ Sandy Hook
ภาพจาก www.inquisitr.com
อีกกระแสหนึ่งก็เรียกร้องให้ใส่ใจกับการดูแลสภาพจิตใจของทุกคนที่เกี่ยวข้อง และสังคมในวงกว้าง  เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้รื้อฟื้นความทรงจำจากอดีตเกี่ยวกับการสังหารหมู่หลายครั้งที่ผ่านมา  ทั้งในโรงเรียนมัธยม  มหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ในโรงภาพยนต์

แต่ก็ยังคงมีคำถามค้างคาใจว่า  ทำไมหนุ่มผู้ปราดเปรื่องคนนี้จึงก่อโศกนาฎกรรม  ถ้ามองแบบครู ก็ต้องบอกว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนหลังจากที่เขามีปากเสียงกับครูที่โรงเรียนนี้   สาเหตุที่แท้จริงน่าจะก่อตัวสะสมมานานหลายปีทั้งจากปัจจัยจากการเลี้ยงดู (ในครอบครัวที่จบลงด้วยการหย่าร้างในช่วงที่เขาเป็นวัยแรง ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ใช่จากแม่เท่านั้น) และปัจจัย "ภาวะภายใน" คือภาวะบกพร่อง เช่น Asperger's และพัฒนาต่อมาจนมีอาการทางจิตใจอื่นๆ เพิ่มเข้าไปอีก อันเนื่องจากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ทั้งจากบ้านและโรงเรียน

นับว่า  โชคดีที่เหตุการณ์อย่างนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทย  แต่ก็อดถามต่อไม่ได้ตามวาระที่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่โลกที่วุ่นวายตึงเครียดยิ่งขึ้นในยุคศตวรรษที่ 21 และประชาคมอาเซียนว่า   ในเมืองไทยมีเด็กที่มีภาวะต้องการความช่วยเหลือ เช่น เป็นออทิสติก  เป็น Asperger's  มีภาวะทางจิตใจอารมณ์ (เช่น ซึมเศร้า ย้ำคิดย้ำทำ (OCD) จิตเภท (Schizophrenia) และ ฯลฯ)  จำนวนเท่าไหร่  เด็กกลุ่มนี้ได้รับการดูแลอย่างไร  พ่อแม่ ครู และคนใกล้ชิดเห็นความผิดปกติหรือไม่  แล้วจัดการช่วยเหลือพวกเขาอย่างไร  หรือปลงแล้วว่า "เป็นกรรมเวร ช่างมัน ... อยู่ห่างๆ ไว้ดีกว่า"  ทั้งที่เราต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่า หลายๆ ภาวะแม้จะแก้ไขให้หายขาดไม่ได้  แต่ก็สามารถฝึกเขาให้มีทักษะในการควบคุมตนเองและอยู่ร่วมกับคนอื่นได้

โรงเรียนที่ไม่เข้าใจก็คิดว่า เด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กประหลาด ใช้วิธีการลงโทษเฆี่ยนตี (น่าสยองขวัญมากที่รู้ว่า ในปี 2555 การตีนักเรียนจนมือปวมก้นระบมโดยไม่แก้ไขที่ต้นเหตุยังมีอยู่ทั้งในโรงเรียนรัฐและเอกชนของไทย)  ขณะที่หลายโรงเรียนใช้การ "กำจัดจุดอ่อน" ด้วยการไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ  จนกลายเป็น"เด็กหลังห้อง" ถูกพักการเรียนและที่สุดก็ถูกให้ออก เป็นการจบภาระของโรงเรียนโดยไม่ได้ทำงานกับผู้ปกครองจนถึงที่สุด

คิดถึงอ.ศศิธร ไพทีกุลผู้ล่วงลับไปแล้ว เคยบอกว่า  ถ้าเราไม่ช่วยกันจัดการความรุนแรงในโรงเรียนอย่างเหมาะสม   การโยน "ตัวปัญหา" ออกไปนอกโรงเรียนอาจจะ่ช่วยให้โรงเรียนปลอดภัยในระยะสั้นๆ   แต่ถ้าเขาไม่ได้รับการดูแลที่ดี ในที่สุดสังคมจะตกเป็นเหยื่อ ... (อย่างที่ Sandy Hook นี่ไง)

และไม่ใช่เฉพาะนักเรียนเท่านั้น  พ่อแม่จำนวนไม่น้อยก็ต้องการความช่วยเหลือด้วยเช่นกัน ... ครู โรงเรียน รัฐบาล หน่วยงานไหนจะขานรับเรื่องนี้กันบ้าง?!
ระลึกถึงผู้จากไป ที่ Sandy Hook Elementary School  ภาพจาก www.newswhip.com




10.26.2011

การบริหารต้องการความเป็นมืออาชีพ

สร้างภาพไปวันๆ ใส่เสื้อแดงเสริมความสามัคคี
ยิ่งนั่งดูข่าวแต่ละวัน ก็ยิ่งเห็นว่า ประเทศคงไปไม่รอดถ้าไม่มีมืออาชีพมาช่วยจัดการ  ทุกวันนี้ เรามีคนเล่นการเมืองมากเกินไป แต่มีนักบริหารรัฐกิจมืออาชีพน้อยเกินไป

เป็นไปได้อย่างไร ที่พายุนกเตน ไห่ถาง นาเสด นาลแก เวียนกันเข้ามาถล่มเมืองไทยแล้วไม่มีนักบริหารมืออาชีพคนไหนเตรียมการรับภัยพิบัติที่กำลังมาเยือน มีใครบอกได้บ้างว่าเขื่อนกักเก็บน้ำแต่ละเขื่อนรับน้ำได้มากน้อยแค่ไหน ควรวางแผนระยะ 2 เดือนอย่างไร

แต่ต้องบันทึกไว้คือ คนบัญชาการทั้งหลายไม่มีใครรู้เรื่อง และไม่เข้าใจน้ำเลยสักคน  เห็นอดีตอธิบดีตำรวจ ส.ส.ที่ใช้ปากทำงาน และนายกที่ยังอ่านหนังสือผิดๆถูกๆ มารวมตัวกันเรียกตัวเองว่า ศปภ. นายกฯ หญิงกับรัฐมนตรีปลอดประสบการณ์ใส่เสื้อแดงแจ๋ไปเก๊กท่าทำพิธีเปิดกิจกรรมเอา เรือมาดันน้ำ  อ้างว่าเป็นความคิดพระเจ้าอยู่หัว  แต่ไม่รู้เลยว่า ที่ท่านเคยใช้ได้ผลในคลองลัดโพธิ์ และอีกหลายคลองเพราะเป็นคลองขนาดเล็ก ทำในเวลาที่น้ำกำลังลง หางเรือก็ต้องยาวและมีกำลังแรงม้าสูงประมาณ 300 แรงม้า

ของบริจาคเต็มโกดัง แต่ยังมีคนไม่ได้รับความช่วยเหลือ
ข้อมูลที่ไร้ความแม่นยำ การสั่งการแบบไร้สติ จะเอายังไงก็ไม่รู้  ตกลงจะกั้นหรือปล่อยให้น้ำไหลเข้ากรุงเทพฯ ประตูน้ำจะเปิดไม่เปิด  จะผันน้ำไปทางไหน ... ชักสงสัยว่า เคยเห็นแผนที่น้ำมั้ย 

เห็นภาพน้ำใจของชาวบ้านที่ช่วยเหลือกันเอง กับทหารทุกเหล่าทัพที่กลายเป็นฮีโร่ขวัญใจชาวบ้าน สงสัยอยู่ว่า อีกนานเท่าไหร่ที่เขาจะยังมีกำลังแบกรับสถานการณ์ที่หนักหน่วง ภายใต้การนำของผู้บริหารมากฝีปากแต่ไร้ฝีมือ